ครั้งแรกกับมินิมาราธอน 1 st …..Columbia Trail Masters #7 @ Kangkrachang Phetchaburi 2014


เมื่อกลางปี 2556 การเดินทางที่ยาวไกล ของเที่ยวบินระหว่างนาริตะ - กรุงเทพ กลับกลายเป็นเวลาอันสั้นขึ้นมา ด้วยหนังจากค่าย GTH เรื่องหนึ่ง (รัก 7 ปี ดี 7 หน ตอน 42.195) เป็นเรื่องของนิชคุณกับสู่ขวัญ นักวิ่งมาราธอน ที่ผมนั่งดูบนเครื่องระหว่างเดินทางกลับเมืองไทย เมื่อมาศึกษาดูงาน OTOP ที่เมือง OITA ทำให้ผมรู้สึกและตื่นเต้น กับคำว่า ปีศาจกิโลที่ 30 (ในหนังขึ้นมา)…และหวังว่าสักวันหนึ่งจะขอมีโอกาสเข้าใจการวิ่งมาราธอนอย่างแท้จริงบ้าง…. "วิ่งเปลี่ยนชีวิต"

เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่ 5 กรกฏาคม 57 หลังจากที่เมื่อวานกลุ่มห้วยฮ่องไคร้ ของคณะนักศึกษาหลักสูตรเสาหลักเพื่อแผ่นดินได้มาสร้างฝายและทำโป่งเกลือในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งทำให้ผมซึ่งมาแก่งกระจานด้วย วางแผนว่าช่วงนี้หล่ะ จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ปั่นจักรยาน ณ แก่งกระจาน กะเค้าบ้างซักกะที (หลังจากที่เห็นผู้คนมาปั่นมากมายแล้ว) แต่ด้วยกว่าจะมาถึงที่พัก สายน้ำวัลเล่ย์ รีสอร์ตของน้องเอิรท์ (น้องเลิฟบิสคลับ) ก้อราวตีสองกว่าๆ กว่าจะนอนก้อตีสาม การตื่น 7 โมงเช้าในเช้านี้ของผม จึงทำได้ยากเย็นจริงๆ แต่ก็กลัวเสียโอกาสดีๆแบบนี้ไป เมื่ออาบน้ำแต่งตัวชุดเท่ห์เสร็จ ก็ขับรถมุ่งหน้าสู่เขื่อนกระจาน ระหว่างทางนั้นจึงได้พบป้ายประชาสัมพันธ์ ติดระหว่างทางเป็นระยะๆ ……Columbia  Columbia …แล้วจึงสังเกตว่าเป็นป้ายทัวร์นาเม้นท์วิ่งมาราธอน วันพรุ่งนี้นิน่า  จากนั้นจึงถ่ายรูป เพื่อเป็นการจดเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อ  จากนั้น ทริปสั้นจักรยานเหนือเขื่อนแก่งกระจาน จึงดำเนินไปในระยะ 8 กิโลกว่าๆ



เมื่อเสร็จจากการปั่นจักรยาน จึงรีบกลับรถไปยังจุดรับลงทะเบียนงานวิ่งที่แก่งกระจานคันทรีคลับ บรรยากาศของผู้คนที่ต่างขมุกขมัวกันลงทะเบียน บ้างก้อถ่ายรูปกับป้ายและฉาก บ้างก้อเลือกชมสินค้าในแบรนด์ Columbia ….ทำเอาผมรู้สึกตื่นเต้นจิงๆ จากนั้นจึงเข้าไปติดต่อจุดลงทะเบียนเพื่อสมัครลงวิ่งบ้าง ….และแล้วเรื่องเศร้าก้อเกิดขึ้น….”เราเต็มแล้วค่ะ และเราไม่รับลงทะเบียนหน้างานค่ะ”  เจ้าหน้าที่กล่าว….ทำเอาความตั้งใจแทบสลายหายไป แต่ยังไม่ยอม มันต้องมีวิธีน่า …(บอกกับตัวเอง) จึงต่อรองกับเจ้าหน้าที่พร้อมชักแม่น้ำทั้งหกมาด้วย จนเจ้าหน้าที่หลัก คุณกลอฟ์ผ่อนปรน และแจ้งชื่อเพื่อลงชื่อสำรองไว้ก่อน แล้วโทรมาเซ็คอีกทีตอน 5 โมงเย็น เผื่อนักวิ่งท่านใดสละสิทธ์อาจเพิ่มเบอร์วิ่งได้

ระหว่างนั้นจึงถือเป็นการตรวจสอบอุปกรณ์ รองเท้าวิ่งเพิ่งซื้อจากฮ่องกงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (จะได้ใช้แล้ววว) ครีมกันแดด ฯลฯ ขาดอยู่ที่กางเกงกับหมวก จึงรีบไปซื้อเพิ่ม (ยังไม่รู้เลยว่าจะได้สิทธิ์ร่วมวิ่งรึป่าว) รอจน 5 โมงเป๊ก จึงโทรไปติดบ้างไม่รับบ้าง แต่สุดท้าย คุณกบเจ้าหน้าที่อีกท่านได้รับเรื่องและแจ้งว่าให้มาร่วมได้ โดยให้มาจ่ายค่าลงทะเบียนกับคุณแม๊กซ์ พร้อมแจ้งหมายเลขของเรา คือ 1739…ว้าววววว ดีใจมากกกกกก และยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นในการร่วมการเข้าแข่งนี้เข้าไปอีก จึงรีบกลับบ้านเพื่อจัดของพร้อมไปค้างที่สายน้ำวัลเล่ย์ รีสอร์ทของน้องเอิรท์อีกครั้ง เพื่อย่นระยะทางในตอนเช้า







เช้าของวันที่ 6 กค.  ณ เวลา 5.30 น. หลังจากที่นัดหมายกันเมื่อคืนกับพ้องเพื่อน Ksmesixsenses กันเวลา 6.30 น. ก้อรีบอาบน้ำและเก็บของ แวะทานข้าวต้มมื้อเช้าของรีสอร์ทก่อนพอสมควร (เกือบจะไม่ทานแล้ว นี่ถ้าไม่ทานต้องหิวไม่มีแรงวิ่งแน่เลย) ขับรถออกไป ด้วยความรีบไม่วายทำให้ขับผิดทาง ต้องกลับลำใหม่ รีบเหยียบสุดๆ ก้อมาถึงแก่งกระจานคันทรีคลับ แต่ด้วยรถจำนวนมาก จึงต้องจอดตั้งแต่ต้นๆทางเข้า แล้วเดินไป ก่อนลงสำรวจตัวเองอีกครั้ง ป้ายเบอร์แข่งติดเรียบร้อยไหม กระเป๋าคาดเอวสำหรับใส่โทรศัพท์ (เพื่อใช้โปรแกรม Runtatstic) ถอดนาฬิกาเก็บที่รถให้เรียบร้อย


เดินไปถึงบริเวณ จุดสต๊าฟ 6.30 น. พอดี และดีพอสำหรับการถ่ายรูปกับเพื่อนๆบริเวณซุ้มจุดสต๊าฟ (สำคัญมากๆๆ) ซึ่งในก๊วนเราก็ได้แก่ พี่โอ๊ต โอ และอุ้ม … ซึ่งเอ็ม กับเตย ได้ไปเตรียมตัวสำหรับวิ่งก่อนหน้าเราคือ 25 Km …”กร เคยวิ่งมาบ้างแล้วป่าว นี่เป็นการวิ่งครั้งแรกจิงๆรึ มาลง Offroad เลยนะเนี่ยะ” พี่โอ๊ต พูด…นึกฉุดคิดว่า ที่เราจะวิ่งมันแตกต่างกับปกติอย่างไรเหรอเนี่ยะ ไม่ได้รู้เรื่องเลย นึกว่าวิ่งบนคอนกรีต….^^”

บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยนักวิ่งที่พร้อมที่จะขับเคลื่อนร่างกายโจนทะยานในสนามแข่งขัน ทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่สำคัญหนุ่มสาวก็มีมาวิ่งกันมากเลย บางคนมาพร้อมสุนัขสุดที่รัก เพื่อเตรียมวิ่งไปด้วยกัน

และแล้วสัญญาณการปล่อยตัว นักวิ่งประเภท 25 Km. ก้อประกาศปล่อยตัว  จากนั้นพิธีกรเริ่มชี้แจงเส้นทางของประเภท 10 Km. และจุดสังเกตป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ในเส้นทาง 10 Km. …..พวกเราถ่ายรูปกันอีกสักพัก ก้อถึงเวลา 7 นาฬิกาตรง พิธีกรก็ประกาศให้นักวิ่งประเภท 10 km. มารวมยังจุดสต๊าฟ… 3 2 1….ปล่อยตัว นักวิ่งจำนวนมากเริ่มเคลื่อนตัวออกไป และสิ่งสำคัญของเราอีกครั้งที่จะลืมไม่ได้คือ การถ่ายถาพ Selfie หน้าจุดสต๊าฟ ….จากนั้นจึงเริ่มเคลื่อนตัววิ่งไปช้าๆ


นับแต่ก้าวพ้นซุ้มจุดสต๊าฟ หัวใจแห่งความตื่นเต้นเริ่มทำงานอีกครั้ง…..นี่เรากำลังเข้าสู่การแข่งขันมาราธอนจิงๆเหรอนี่  อีกความฝันหนึ่งในสิ่งที่อยากทำ อยากพิสูจน์ กำลังได้เริ่มแล้ว ….โชคดีบรรยากาศเป็นใจมาก ไม่ค่อยมีแดด  ผมเริ่มวิ่งเหยาะๆ ไปพร้อมกับอุ้ม โดยมีพี่โอ๊ตและโอนำไปหน้าไปนิดหน่อย  เส้นทางเริ่มแรก ยังเป็นถนนคอนกรีต สักพักจึงเข้าสู่ทางวิบาก ลูกรัง เลียบไปกับหนองน้ำ (ทำให้เห็นภาพไกลๆของนักวิ่งเป็นสาย)  




สักพักขบวนเริ่มติด ทำให้เป็นที่สงสัยว่าติดอะไร
(อุ้มบอกว่าดีแล้ว วิ่งๆหยุดๆ สบายรอดแน่ 10 Km. แต่ถ้าติดนานเครื่องอาจเย็นได้ เราต่างตกลงกันว่าเป้าหมายครั้งนี้ แค่เข้าเส้นก็ถือว่าสำเร็จแล้ว) ไม่นานจึงพบว่าเส้นทางมีการตัดผ่านซุ้มต้นไม้เป็นทางเล็กๆ ซึ่งเล็กมากจนนักวิ่งจะต้องทยอยรอกันเพื่อผ่านช่องนี้ แล้วจึงเข้าสู่ถนนคอนกรีตอีกครั้ง ตลอดระยะทางจะมีป้าย ริบบิ้น และลูกศรสัญลักษณ์  10 Km สีฟ้าบอก ทำให้การไม่สับสนในเส้นทางการวิ่ง


วิ่งไป สลับเดินไป หันไปคุยถึงสารทุกข์สุขดิบกับอุ้มบ้าง สลับวิ่งไปตามจังหวะ ….(คิดอยู่ว่า 5 กิโล แรกพยายามจะรักษาตัวรักษาแรงก่อน กลัวหมด)  เส้นทางเริ่มเหมือนจะเข้าป่า ขึ้นลง สลับเป็นช่วงๆ 5 กิโลแรกผ่านไป ดีใจมากนี่เรามาถึงครึ่งทางแล้ว ยังไม่เหนื่อยมาก จะต้องรักษาแรงไว้อีก  ที่จุด 5 กิโลนี่ มีน้ำดื่ม และน้ำเย็นรดตัวบริการ …แต่อุ้มแนะว่าอย่าเอาน้ำเย็นเช็คตัวเลยเครื่อง (ตัวเรา) มันจะรวนได้ ร้อนมาเย็น (เย็นเจี๊ยบอ่ะ) เด่วจะไม่สบาย แต่ให้ถือขวดน้ำไว้จิบระหว่างทาง (จิบนิดๆ)

กะว่าถึง 8 กิโลเมื่อไร ค่อยอัดวิ่งทีเดียว ….แสงแดดเริ่มส่อง เหงื่อเริ่มไหลมากยิ่งขึ้น
เส้นทางบางช่วงเริ่มมีเนิน และทางลาด ต้องค่อยระวัง ยิ่งบางจุดมีหิน อาจสะดุดได้ (ล้มมาอ่ะเป็นเรื่องเลย) พอถึงกิโลที่ 8 จริงๆ กับแสงแดดที่แผดเผา ทำให้จินตนาที่จะวิ่งทำไม่ได้เลย ยิ่งเจอเนินสูง  กว่าจะขึ้นแต่ละเนิน เหนื่อยได้การเลย (นึกในใจ เป้าหมายเราไม่ใช้เวลานิ ค่อยๆไปดีกว่านะ) ช่วงหลังนี้ผมเริ่มสลับมาวิ่งนำหน้าอุ้ม จากที่ก่อนหน้านี้อุ้มนำมาตลอด จนเราสองคนมาบรรจบกันในกิโลเมตรที่ 9 จึงค่อยวิ่งสลับเดินเช่นเคย ระหว่างทางนักวิ่ง 25 km ก็สลับกันวิ่งผ่านหน้าเราไปเรื่อยๆ …(น๊อครอบ)




และแล้วความฝันก็เป็นจริง เราสองคน ผมกับอุ้มวิ่งเข้าเส้นชัย ท่ามกลางเสียงปรบมือเป็นกำลังใจจากผุ้คนสองข้างทาง (เค้าคงปรบมือกันมานานแล้วหล่ะ อิอิ) แต่นี่ละมั่งคือมารยาทและน้ำใจของนักกีฬานักวิ่ง ตลอดจนคนดูที่อยู่รอบสนาม




1.51.45 ชม. คือ เวลาที่เราเข้าเส้นชัยกันมา อุ้มเข้าเร็วกว่าผม 1 นาที ก่อนเข้าเส้นชัย ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่า อุ้มจึงบอกว่าเวลาวิ่งเข้าเส้นชัยให้เตรียมทำท่าเท่ห์ๆใส่ช่างกล้องที่เตรียมถ่ายพวกเรา (พร้อมอย่าแสดงความรู้สึกว่าเราเหนื่อย)….และแล้วก้อเป็นเช่นนั้น พวกเราเข้าเส้นชัย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดีใจ (กระโดดด้วยนิดหน่อย) …..พร้อมกับรับเหรียญจากเจ้าหน้าที่มาคล้องให้หลังจากซุ้ม Finish ….Finishhhhhhh แล้ว เย้ยยยยยย ดีใจจิงๆ

ประสบการณ์ครั้งแรกกับการวิ่ง 10 Km. ใช้เวลาไป ไม่ถึง 2 ชม. (มองโลกในแง่ดี) บอกตัวเราได้ว่า เราพอใจ พอใจอย่างยิ่งที่สามารถชนะใจตัวเอง (จากคนที่ไม่เคยวิ่งเลยย) และได้ทำตามความฝัน สัมผัสกับอีกโลกหนึ่งที่เราไม่คุ้นชิน  (ออกมาจาก Safty Zone)

และรู้สึกได้แล้วว่าเสน่ห์ของการวิ่งมาราธอนนั้นคืออะไร….
ทำให้รู้สึกได้ว่า สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เราทำไม่ได้หรอก
จิงๆแล้วเราทุกคนทำมันได้ อยู่ที่เราจะลอง แล้วเดินลุยกับมันเพียงไหน

ทุกๆอย่างเราทำได้จิงๆ....ขอเพียงตั้งใจและมุ่งมั่น


พบกันกับทัวร์นาเม้นท์ใหม่ๆกันนะคร๊าบบ….วิ่งไปด้วยกันนะจ๊ะ

หลังจากนั้น ก้อได้วิ่งต่อ........

12 สิงหาคม 2557  Run for Mom  10 Km. จัดโดย TCC.
24 สิหาคม 2557 แม๊คโครมินิมาราธอน 10 Km. จัดโดย Makro Supermarket
31 สิงหาคม 2557 Human Run Break the limit  10 Km. จัดโดย a day และ AIS
2   พฤศจิกายน Run for life เพื่อผู้ป่วยโรคหัวใจ 10 Km. จัดโดย TMB Bank
16 พฤศจิกายน Bangkok Marathon  21 Km. จัดโดย Standard Charter Bank







ขอขอบคุณภาพจาก เพื่อนกลุ่ม Ksmesixsenses
ขอขอบคุณการเอื้อเฟื้อที่พักจาก สายน้ำวัลเล่ย์รีสอร์ท
และขอขอบคุณมิตรภาพจากนักวิ่งทุกท่าน


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม